วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภาคต่อแห่งความสำเร็จ (ตอนที่ 1)


            การที่เรามองภายนอกของเพื่อนมนุษย์แต่ละคนด้วยตาเปล่า จะประกอบสร้างความเข้าใจรูปลักษณ์ บุคลิกลักษณะภายนอกส่งผ่านมายังภายในจิตใจของเรา ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างของแต่ละคนเพียงอย่างเดียวนั้น เราจะไม่สามารถทราบถึงศักยภาพของคนๆหนึ่งได้ หรือทราบได้ว่าบุคคลนั้นจะมีศักยภาพสูงกว่าคนอื่นๆหรือไม่ เราจะไม่รู้ว่าบุคคลหนึ่งจะมีความสามารถในด้านของการคิดวิเคราะห์แยกแยะ จัดสรรระบบ อย่างเป็นเหตุเป็นผลเป็นหลักการ  หรือ จะมีความสามารถในการคิดแบบความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และจดจำ เข้าถึงเรื่องต่างๆ ด้วยภาพหรือมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว หรือว่าบุคคลนั้นอาจจะมีความสามารถทั้งสองด้าน

เราจะสามารถทราบถึงศักยภาพของบุคคลว่ามีของดีหรือไม่ต่อการกระทำเรื่องหนึ่งๆ เราจะรับรู้ได้จาก 3 ประเด็นนี้ คือ  ความรู้ ทักษะ และ ทัศนคติ โดยการใช้หลักทั้งสามมาเป็นตัววัดต่อเรื่องนั้นๆ เช่น หากบุคคลที่มีทักษะในการสร้างสรรค์รายการทีวี มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับกระบวนการ การผลิต การขาย หรือความรู้เกี่ยวกับความต้องการของผู้ชม และแน่นอนว่าถ้าเขาคนนี้มีทัศนคติที่ดีต่อวงการโทรทัศน์ ต่อรายการทีวี เขาจะสามารถสร้างสรรค์รายการทีวีที่ดีรายการหนึ่งออกมาได้หรือทำให้บริษัทที่ผลิตรายการทีวีที่เขาอยู่เจริญเติบโตได้ เป็นต้น 

           การที่เราจะรู้ว่าคนๆหนึ่งจะมีทักษะ ความรู้ มากหรือน้อยแค่ไหน จำเป็นต้องอาศัยเวลา เพื่อให้เขาได้แสดงออกมาเมื่อโอกาสมาถึง แต่สิ่งที่เราจะทราบได้ทันทีจากการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คือ ทัศนคติ ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้บุคคลหนึ่งทำสิ่งที่สนใจได้ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จของการกระทำ หากบุคคลใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องที่ทำอยู่ บุคคลนั้นจะกระทำและสร้างสรรค์สิ่งนั้นจนประสบความสำเร็จ ถึงแม้จุดเริ่มของเขาจะไม่มีความรู้ หรือ ทักษะใดๆ เลย ทัศนคติจะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการฝึกฝนทักษะและการหาความรู้เพิ่มเติมได้ในภายหลัง




ถ้าเช่นนั้นเราน่าจะลองเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีทัศนคติที่ดี เพราะประเด็นเรื่อง ทักษะและความรู้ จำเป็นต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ดั่งตัวอย่างที่เป็นคำกล่าวของคนรุ่นเก่าที่ว่า  จะหาผัวหาเมียไม่จำเป็นต้องหาคนรวยหรอกแต่ให้หาคนที่มีความขยันก็พอ เป็นการแสดงทัศนคติต่อการใช้ชีวิตคู่ว่า หญิงหรือชายคนใดที่มีความเห็นต่อการใช้ชีวิตว่าจะต้องดำเนินไปด้วยความขยันมั่นเพียร เมื่อผู้นั้นเห็นว่าความขยันเป็นสิ่งดีจะผลักดันให้คนผู้นั้นดำรงชีวิตอยู่ด้วยความขยัน ซึ่งจะนำมาพาความสำเร็จความเจริญรุ่งเรืองมาให้

และถ้าเราจะหาบุคคลที่จะมาช่วยเหลือเรา ให้หาคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อการทำความดี ต่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเป็นมิตรสหาย  ต่อการอาศัยพลังของทีมและการร่วมงานกันทำ เพราะคนๆนั้นจะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในทิศทางที่ดีได้

การลงมือกระทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราอาจมองด้วยมุมมองทางการเงิน ในเรื่องการใช้เวลาที่เรามีอยู่จำกัดให้สามารถสร้างผลตอบแทนในจำนวนเงินที่เราคาดหวัง และมุมมองของเรื่องครอบครัวว่า เราจะมีเวลาให้เราสามารถทำกิจกรรมหรืออยู่ร่วมกับครอบครัวได้ในจุดที่สมควรหรือไม่ หากเราจะลงมือกระทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ มุมมองหนึ่งที่น่าจะลองมองนอกจากที่กล่าวไปข้างต้น คือ มุมมองในการมองตัวเอง เราลองกลับมามองตัวตนของเราว่า เรามีความสามารถทักษะ ความรู้ที่เรามีต่อเรื่องๆนั้นมากเพียงพอแล้วหรือยัง รวมไปถึงโอกาสที่เรามองเห็นและสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ของสิ่งที่เราจะไปทำ และที่สำคัญ เราได้ถามคำนี้กับตัวเองหรือยัง  “เรามีทัศนคติอย่างไรต่อเรื่องที่เราลงมือกระทำ” 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น