การที่เรามองภายนอกของเพื่อนมนุษย์แต่ละคนด้วยตาเปล่า
จะประกอบสร้างความเข้าใจรูปลักษณ์ บุคลิกลักษณะภายนอกส่งผ่านมายังภายในจิตใจของเรา
ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างของแต่ละคนเพียงอย่างเดียวนั้น เราจะไม่สามารถทราบถึงศักยภาพของคนๆหนึ่งได้
หรือทราบได้ว่าบุคคลนั้นจะมีศักยภาพสูงกว่าคนอื่นๆหรือไม่
เราจะไม่รู้ว่าบุคคลหนึ่งจะมีความสามารถในด้านของการคิดวิเคราะห์แยกแยะ จัดสรรระบบ
อย่างเป็นเหตุเป็นผลเป็นหลักการ หรือ จะมีความสามารถในการคิดแบบความคิดสร้างสรรค์
จินตนาการ และจดจำ เข้าถึงเรื่องต่างๆ ด้วยภาพหรือมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว หรือว่าบุคคลนั้นอาจจะมีความสามารถทั้งสองด้าน
เราจะสามารถทราบถึงศักยภาพของบุคคลว่ามีของดีหรือไม่ต่อการกระทำเรื่องหนึ่งๆ
เราจะรับรู้ได้จาก 3 ประเด็นนี้ คือ ความรู้
ทักษะ และ ทัศนคติ โดยการใช้หลักทั้งสามมาเป็นตัววัดต่อเรื่องนั้นๆ เช่น
หากบุคคลที่มีทักษะในการสร้างสรรค์รายการทีวี มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับกระบวนการ
การผลิต การขาย หรือความรู้เกี่ยวกับความต้องการของผู้ชม
และแน่นอนว่าถ้าเขาคนนี้มีทัศนคติที่ดีต่อวงการโทรทัศน์ ต่อรายการทีวี
เขาจะสามารถสร้างสรรค์รายการทีวีที่ดีรายการหนึ่งออกมาได้หรือทำให้บริษัทที่ผลิตรายการทีวีที่เขาอยู่เจริญเติบโตได้
เป็นต้น
การที่เราจะรู้ว่าคนๆหนึ่งจะมีทักษะ ความรู้ มากหรือน้อยแค่ไหน จำเป็นต้องอาศัยเวลา เพื่อให้เขาได้แสดงออกมาเมื่อโอกาสมาถึง แต่สิ่งที่เราจะทราบได้ทันทีจากการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คือ ทัศนคติ ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้บุคคลหนึ่งทำสิ่งที่สนใจได้ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จของการกระทำ หากบุคคลใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องที่ทำอยู่ บุคคลนั้นจะกระทำและสร้างสรรค์สิ่งนั้นจนประสบความสำเร็จ ถึงแม้จุดเริ่มของเขาจะไม่มีความรู้ หรือ ทักษะใดๆ เลย ทัศนคติจะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการฝึกฝนทักษะและการหาความรู้เพิ่มเติมได้ในภายหลัง
การที่เราจะรู้ว่าคนๆหนึ่งจะมีทักษะ ความรู้ มากหรือน้อยแค่ไหน จำเป็นต้องอาศัยเวลา เพื่อให้เขาได้แสดงออกมาเมื่อโอกาสมาถึง แต่สิ่งที่เราจะทราบได้ทันทีจากการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คือ ทัศนคติ ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้บุคคลหนึ่งทำสิ่งที่สนใจได้ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จของการกระทำ หากบุคคลใดที่มีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องที่ทำอยู่ บุคคลนั้นจะกระทำและสร้างสรรค์สิ่งนั้นจนประสบความสำเร็จ ถึงแม้จุดเริ่มของเขาจะไม่มีความรู้ หรือ ทักษะใดๆ เลย ทัศนคติจะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการฝึกฝนทักษะและการหาความรู้เพิ่มเติมได้ในภายหลัง
ถ้าเช่นนั้นเราน่าจะลองเปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีทัศนคติที่ดี
เพราะประเด็นเรื่อง ทักษะและความรู้ จำเป็นต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ดั่งตัวอย่างที่เป็นคำกล่าวของคนรุ่นเก่าที่ว่า จะหาผัวหาเมียไม่จำเป็นต้องหาคนรวยหรอกแต่ให้หาคนที่มีความขยันก็พอ
เป็นการแสดงทัศนคติต่อการใช้ชีวิตคู่ว่า หญิงหรือชายคนใดที่มีความเห็นต่อการใช้ชีวิตว่าจะต้องดำเนินไปด้วยความขยันมั่นเพียร
เมื่อผู้นั้นเห็นว่าความขยันเป็นสิ่งดีจะผลักดันให้คนผู้นั้นดำรงชีวิตอยู่ด้วยความขยัน
ซึ่งจะนำมาพาความสำเร็จความเจริญรุ่งเรืองมาให้
และถ้าเราจะหาบุคคลที่จะมาช่วยเหลือเรา ให้หาคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อการทำความดี
ต่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเป็นมิตรสหาย
ต่อการอาศัยพลังของทีมและการร่วมงานกันทำ เพราะคนๆนั้นจะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในทิศทางที่ดีได้
การลงมือกระทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เราอาจมองด้วยมุมมองทางการเงิน ในเรื่องการใช้เวลาที่เรามีอยู่จำกัดให้สามารถสร้างผลตอบแทนในจำนวนเงินที่เราคาดหวัง
และมุมมองของเรื่องครอบครัวว่า
เราจะมีเวลาให้เราสามารถทำกิจกรรมหรืออยู่ร่วมกับครอบครัวได้ในจุดที่สมควรหรือไม่
หากเราจะลงมือกระทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ มุมมองหนึ่งที่น่าจะลองมองนอกจากที่กล่าวไปข้างต้น
คือ มุมมองในการมองตัวเอง เราลองกลับมามองตัวตนของเราว่า เรามีความสามารถทักษะ
ความรู้ที่เรามีต่อเรื่องๆนั้นมากเพียงพอแล้วหรือยัง
รวมไปถึงโอกาสที่เรามองเห็นและสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ของสิ่งที่เราจะไปทำ
และที่สำคัญ เราได้ถามคำนี้กับตัวเองหรือยัง “เรามีทัศนคติอย่างไรต่อเรื่องที่เราลงมือกระทำ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น