วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

6 อย่างทีทำให้หมดเงิน

พระพุทธเจ้าได้บอกสอนแก่หนทางการกระทำทางกาย 6 อย่าง ที่เป็นเหตุให้ทรัพย์เสื่อมไป และโทษอื่นๆ เมื่อกระทำทางกายเหล่านี้

อบายมุข 6 (ทางเสื่อมแห่งทรัพย์ 6 ทาง)
อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา คือ         
สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่ง การเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การเที่ยวดูมหรสพ เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ


ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่ง การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ 

ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑ 
ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ 
เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ 
เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ๑ 
เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑ 
มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา ๑ 

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน ๖ ประการเหล่านี้ คือ 

ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว ๑ 
ไม่คุ้มครอง ไม่รักษา บุตรภรรยา ๑ 
ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติ ๑ 
เป็นที่ระแวงของคนอื่น ๑ 
คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น ๑
อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม ๑ 

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน เหล่านี้แล ฯ

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการเที่ยวดูมหรสพ ๖ ประการเหล่านี้คือ 

รำที่ไหน ไปที่นั่น ๑ 
ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ๑ 
ประโคมที่ไหนไปที่นั่น ๑ 
เสภาที่ไหนไปที่นั่น ๑ 
เพลงที่ไหน ไปที่นั่น ๑ 
เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น ๑ 
ดูกรคฤหบดีบุตรโทษ ๖ ประการในการเที่ยวดูมหรสพ เหล่านี้แล ฯ

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนัน อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการเหล่านี้ คือ 

ผู้ชนะย่อมก่อเวร ๑ 
ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป ๑ 
ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ๑ 
ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น ๑ 
ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท ๑ 
ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา ๑ 

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร ๖ ประการเหล่านี้ คือ 

นำให้เป็นนักเลงการพนัน ๑ 
นำให้เป็นนักเลงเจ้าชู้ ๑ 
นำให้เป็นนักเลงเหล้า ๑ 
นำให้เป็นคนลวงผู้อื่นด้วยของปลอม ๑ 
นำให้เป็นคนโกงเขาซึ่งหน้า ๑ 
นำให้เป็นคนหัวไม้ ๑ 

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตรเหล่านี้แล ฯ

ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน ๖ ประการ เหล่านี้ คือ 
มักให้อ้างว่าหนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ 
มักให้อ้างว่าร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ 
มักให้อ้างว่าเวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน ๑ 
มักให้อ้างว่ายังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน ๑ 
มักให้อ้างว่าหิวนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ 
มักให้อ้างว่าระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน ๑ 

เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ ผลัดเพี้ยนการงานอยู่อย่างนี้ โภคะที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็ถึงความสิ้นไป ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้านเหล่านี้แล ฯ

พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
เพื่อนในโรงสุราก็มี เพื่อนกล่าวแต่ปากว่าเพื่อนๆ ก็มี 
ส่วนผู้ใดเป็นสหายในเมื่อความต้องการเกิดขึ้นแล้ว ผู้นั้นจัดว่าเป็นเพื่อนแท้
เหตุ ๖ ประการ คือ 

การนอนสาย ๑ 
การเสพภรรยาผู้อื่น ๑ 
ความประสงค์ผูกเวร ๑ 
ความเป็นผู้ทำแต่สิ่งหาประโยชน์มิได้ ๑ 
มิตรชั่ว ๑
ความเป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่นนัก ๑ 

เหล่านี้ ย่อมกำจัดบุรุษเสียจากประโยชน์สุขที่จะพึงได้พึงถึงคนมีมิตรชั่ว มีเพื่อนชั่ว มีมรรยาทและการ
เที่ยวชั่ว ย่อมเสื่อมจากโลกทั้งสอง คือ จากโลกนี้และจากโลกหน้า 
เหตุ๖ ประการ คือ 

การพนันและหญิง ๑ 
สุรา ๑ 
ฟ้อนรำขับร้อง ๑ 
นอนหลับในกลางวันบำเรอตนในสมัยมิใช่การ ๑ 
มิตรชั่ว ๑ 
ความตระหนี่เหนียวแน่นนัก ๑ 

เหล่านี้ ย่อมกำจัดบุรุษเสียจากประโยชน์สุข ที่จะพึงได้
พึงถึง ชนเหล่าใดเล่นการพนัน ดื่ม สุรา เสพหญิงภรรยาที่รักเสมอ
ด้วยชีวิตของผู้อื่น คบแต่คนต่ำช้า และไม่คบหาคนที่มีความเจริญ
ย่อมเสื่อมเพียงดังดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดดื่มสุรา ไม่มีทรัพย์ หาการ
งานทำเลี้ยงชีวิตมิได้ เป็นคนขี้เมา ปราศจากสิ่งเป็นประโยชน์ เขาจัก
จมลงสู่หนี้เหมือนก้อนหินจมน้ำ ฉะนั้น จักทำความอากูลแก่ตนทันที
คนมักมีการนอนหลับในกลางวัน เกลียดชังการลุกขึ้นในกลางคืน เป็น
นักเลงขี้เมาเป็นนิจ ไม่อาจครอบครองเหย้าเรือนให้ดีได้ ประโยชน์
ทั้งหลายย่อมล่วงเลยชายหนุ่มที่ละทิ้งการงาน ด้วยอ้างเลศว่า หนาวนัก
ร้อนนัก เวลานี้เย็นเสียแล้ว ดังนี้เป็นต้น ส่วนผู้ใดไม่สำคัญความหนาว
และความร้อนยิ่งไปกว่าหญ้า ทำกิจของบุรุษอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อม
จากความสุขเลย ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น