วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ถ้าเทพ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย ดลบรรดาลให้คนทำดีได้ แล้วความชั่วที่คนทำหละ เป็นสิ่งเทพบรรดาลด้วยไหม

ความเชื่อเป็นสิ่งที่อยู่ในภายในของตัวบุคคล ใครจะเชื่ออย่างไร ก็แล้วแต่ ในวันนี้จะนำพระสูตร คำสอนของพระพุทธเจ้ามาเปิดเผย ว่า การที่บุคคลไปเชื่อว่า การได้รับความสุข หรือ ความทุกข์ เป็นเพราะ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพ หรืออะไรต่างๆ ที่คิดว่ามีความพิเศษเหนือมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย  ทำให้เป็นอย่างนั้น 
พระพุทธเจ้าชี้ ให้เห็นว่า ถ้ามีสิ่งใดบรรดาล หรือ สั่งให้บุคคลเป็นอะไรได้ การที่บุคคล ฆ่า ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดหยาบ พูดยุให้แตกกัน มีจิตใจละโมบ มีใจพยาบาท นั้นก็เป็นการ ที่สิ่งศักดิ์สิทธินั้นเป็นคนบรรดาล หรือ สั่งให้บุคคลเป็นด้วย เช่นกัน 

เราลองมาอ่านพระสตูรเต็มจากคำสอนของพระพุทธเจ้ากัน



ภิกษุทั้งหลาย !
ในบรรดาลัทธิทั้ง ๓ นั้น สมณพราหมณ์พวกใด
มีถ้อยคำและความเห็นว่า “บุคคลได้รับสุขหรือทุกข์ หรือ
ไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น เป็นเพราะอิศวรเนรมิตให้
(อิสฺสรนิมฺมานเหตูติ)” ดังนี้ มีอยู่,

เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้น แล้วสอบถาม
ความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า
“ถ้ากระนั้น (ในบัดนี้) คนที่ฆ่าสัตว์ ... ลักทรัพย์ ...
ประพฤติผิดพรหมจรรย์ ... พูดเท็จ ... พูดคำหยาบ ...
พูดยุให้แตกกัน ... พูดเพ้อเจ้อ ... มีใจละโมบเพ่งเล็ง ...
มีใจพยาบาท มีความเหน็ วิปริต เหลา่นี้ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
นั่นก็ต้องเป็นเพราะการเนรมิตของอิศวรด้วย.

เมื่อมัวแต่ถือเอา
การเนรมิตของอิศวร
มาเป็นสาระสำคัญดังนี้แล้ว
คนเหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ
หรือความพยายามทำในข้อที่ว่า
สิ่งนี้ควรทำ (กรณียกิจ)
สิ่งนี้ไม่ควรทำ (อกรณียกิจ) อีกต่อไป.
เมื่อกรณียกิจและอกรณียกิจ
ไม่ถูกทำหรือถูกละเว้นให้จริงๆ จังๆ กันแล้ว
คนพวกที่ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้น
ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเรียกตนว่า
เป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้” ดังนี้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น