แม้เราจะให้เงินและทองแก่พ่อแม่ของเรามากมายมหาศาล
เราบำรุงท่านด้วยการดูทางกายเป็นอย่างดี
เราทำแม้กระทั่งแบกท่านทั้งสองไว้บนไหล่ทั้งสองข้าง ตลอด 100 ปี
และพ่อแม่ของเราก็ขับถ่าย ท่วมตัวเราตลอด 100 ปี
ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นการตอบแทนแก่บิดาและมารดาของเรา
แต่การตอบแทนที่แท้จริง คือ อะไร และควรทำอย่างไร
มาอ่านบทความนี้กันเลย
เมื่อเราได้ดีในอาชีพ การงาน กิจการส่วนตัว
ประสบความสำเร็จมีความสุขสบายในชีวิต หากเรานึกย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเด็ก
ในวัยเรียน จนกระทั่งมหาวิทยาลัย
ทุกคนคงเคยได้รับการเอ็นดูจากบุคคลที่ส่งเสริมให้เราเจริญก้าวหน้าในชีวิต
อันได้แก่ พ่อแม่ ครู อาจารย์ หรือ บุคคลผู้พระคุณคอยช่วยเหลือเรา
หากเราคิดอยากจะตอบแทนบุคคลเหล่านี้ โดยทั่วไปแล้ว คงนึกถึง การซื้อของ สินค้า
เครื่องอำนวยความสะดวกสบายแก่ ชีวิต อาทิ การให้เงินทอง
เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน อันได้แก่ เครื่องกรองน้ำ
เครื่องกรองอากาศ แอร์ รถยนต์ราคาแพง อ่างน้ำวน อ่างน้ำสปา บ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่เดินเล่น
มีสวนหลังบ้าน สนามหน้าหน้าบ้าน เป็นต้น หรือ การพาพ่อแม่ของเราไปเที่ยวต่างจังหวัด
ไปต่างประเทศ ไปทำกิจกรรม ไปพักผ่อน ดูหนัง ภาพยนตร์ รับประทานอาหารอย่างดี
พาไปนวดผ่อนคลาย ทำสปาทั่วทั้งตัว หรือ พาไปเข้าคอรส์เพื่อสุขภาพ
เราจะพบว่ามีวิธีการมากมายซึ่งโดยเกือบทั้งหมด จะเป็นการทำให้ท่านผู้พระคุณอันได้แก่
พ่อแม่ เรานั้น ได้รับสัมผัส ความรู้สึกที่ดี ผ่านสัมผัสทั้ง 5 ทางตา หู จมูก ลิ้น
กาย
พระพุทธเจ้าได้ตรัสบอกแก่อะไรกับเรา
ในเรื่องของตอบแทนบุญคุณแก่ผู้มีพระคุณอันได้แก่พ่อแม่ของเรา
เราลองมาฟังพระพุทธเจ้าว่าท่านสอนให้เราตอบแทนอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑
บิดา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุตรพึงประคับประคองมารดา ด้วยบ่าข้างหนึ่ง
พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่งเขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี
และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วย
“
การอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง
๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
การกระทำ อย่างนั้นยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย “
ดูกรภิกษุทั้งหลายอนึ่ง
บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ
อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่อันมีรัตนะ ๗ ประการมากหลายนี้
การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดาเลย
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดง โลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย
ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา
ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา
(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า)
ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล)
ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค)
ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)
ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล)
ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค)
ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น