วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สายใยอันแนบแน่น

     
าลเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป หอบเอาทั้งเธอและฉัน คู่กันไปอย่างปรารถนา ปรากฏตามความคิดของเมื่อครั้งอดีตที่เราทั้งสองได้เริ่มรู้จัก....

เสียงท่วงทำนองที่แว่วมาตามสายลมทำให้เราเพลิดเพลินไปกับช่วงหนึ่งของถนนแห่งความทรงจำครั้งหนึ่ง เคยแล่นผ่านและหยิบจับความรู้สึกดี ๆ ได้ในคราวนั้น

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แด่จุดหมาย


ระหว่างเป้าหมายกับผลลัพธ์ของความสำเร็จ จะมีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นเสมอ เมื่อครั้งเราปรารถนาสิ่งใดสิ่งหนึ่งในชีวิต เฉกเช่นการมองเป้าที่อยู่นิ่งหรือกำลังเคลื่อนไหว ขณะที่เราถือปืนอยู่ในมือกำลังเล็งไปที่เป้าหมายผ่านศูนย์เล็งตามหลักการของการยิงเพื่อพิฆาตจุดหมายให้แน่นิ่งสิ้นชีพ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เรียกว่า  “ความคาดหวัง”

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

“ถ้าเป็นฉัน ฉันจะทำ….”


มนุษย์เราเมื่อเจอกับปัญหาโดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มแก้ไขด้วยความคิดเห็น การไตร่ตรองของตัวเองก่อน   หากเกิดความไม่แน่ใจ ลังเลสงสัย ในปัญหา จึงจะถามความคิดเห็นต่อประเด็นที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น เป็นการหาน้ำหนักมาถ่วงความเห็นที่น่าจะเป็นทางแก้ไขปัญหา  ซึ่งแล้วแต่ลักษณะนิสัยของคน ว่าครั้งได้รับความคิดเห็นของผู้อื่นแล้วจะทำอย่างไร     

เรื่องของการให้คำแนะนำ การให้คำปรึกษาเป็นเรื่องทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เพื่อให้ปัญหาเหล่านั้นลดน้อยลง เราลองมาดูแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ภาวะผู้นำและวิธีการนำผู้อื่น



การคิดค้นธนูถูกสร้างขึ้นด้วยมุมมองที่แตกต่างและกว้างไกลกว่าการสร้างอาวุธระยะประชิดไปเรื่อยๆ และมีมุมมองของการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เช่น การใช้แรงที่น้อยกว่าการใช้อาวุธระยะประชิด เป็นต้น รวมถึงมุมมองในการรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตรู้ตัวจากการเข้าใกล้

มุมมองเหล่านี้นำมาสู่การหาวิธีการสร้างคันธนูพร้อมลูกศรให้สามารถใช้งานได้ในสถานการณ์จริง นั่นเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เรียกว่า วิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของ “ผู้นำ”  

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ก่อนจะเริ่มนับหนึ่ง


เราต้องเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้เราจดจำไม่มีวันลืม เป็นบทเรียน บททดสอบที่แสนจะระทม ขื่นขม เป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกับการกลืนอาหารที่ขวางติดอยู่ในลำคอ เราต้องเผชิญกับความไม่พร้อมของวัตถุดิบ เครื่องมือ ทรัพยากร องค์ประกอบในการสร้าง แรงกดดันที่จะผลักให้เราตกหน้าผาไปอยู่ในก้นเหวเดิมก่อนที่เราจะไต่ขึ้นมา เหมือนเราเริ่มเดินอยู่ในที่ๆมืดสนิททันทีที่เรารู้สึกตัว เราต้องอดทนกับความเบื่อหน่ายที่เกิดจากการหาคำตอบของปัญหาที่จะนำให้หลุดออกจากสภาวการณ์นี้

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อำนาจที่ควบคุมทิศทางชีวิต


            มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผลที่สุดบนโลกใบนี้ ซึ่งทุกคนมีสมองซีกที่ทำงานด้านของการวิเคราะห์ แยกแยะ ความเป็นเหตุเป็นผลเหมือนกันหมด การกระทำของแต่ละคนจะมีเหตุผลมารองรับเสมอ และมีสมองอีกซีกหนึ่งที่ทำงานไม่เหมือนกับที่กล่าวไป แรงขับเคลื่อนของมันจะมีกำลังมหาศาลมากกว่าความมีเหตุผลของมนุษย์ บางครั้งจะทำให้เกิดการกระทำแบบสุดโต่งแสดงออกถึงความเป็นตัวตน อาจนำมาสู่การกระทำที่อ่อนโยนเหมือนได้สัมผัสความอ่อนนุ่มของขนสัตว์แรกเกิด

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รากฐานของความพิเศษ (ตอนที่ 2)


หากเราสามารถสร้างความพิถีพิถันตั้งแต่รากฐาน นั่นคือ การคิดไตร่ตรองด้วยความละเอียดถี่ถ้วน มองในมุมมองที่หลากหลาย ลึกลงไปถึงแก่นแท้ของการคิดวิเคราะห์ต่อเรื่องๆหนึ่ง เราจะมีความเข้าใจความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ความเป็นสัจธรรมของโลก เราจะมองที่คุณประโยชน์หรือคุณค่าหลักของแต่ละสิ่งเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก

รากฐานของความพิเศษ (ตอนที่ 1)


            เมื่อครั้งเวลาเราได้รับสิ่งของหรือการกระทำ คำพูด จากผู้อื่น เราสามารถรับรู้ได้ถึงความละเอียดลออหรือความหยาบกระด้างของสิ่งที่ถูกประกอบกันขึ้น เราสามารถรับรู้ว่าสิ่งที่เราได้รับมาจาก ความอดทน ความมุ่งมั่น รู้สึกได้ถึงกาลเวลาที่ยาวนานของการสร้างสรรค์ และรับรู้ได้ถึงความไม่เอาใจใส่ ความมุ่งหมายเพียงแต่ประโยชน์ รวมไปถึงการให้เวลาเพียงน้อยนิดในการทำขึ้นอย่างไร้เยื้อใยของสิ่งนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สัจจะที่แปรเปลี่ยน


เราให้ความสำคัญต่อคำพูดของเราแค่ไหน เราจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้จนถึงที่สุดหรือไม่ มีหลายครั้งที่เรากระทำตามที่พูดไว้ได้สำเร็จ แต่ก็มีหลายครั้งเช่นเดียวกันที่เราไม่กระทำตามที่พูดหรือกระทำสิ่งตรงข้ามแทน เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่เรารู้ว่าเรื่องของสัจจะ วาจา จะสร้างความน่าเชื่อถือในแต่ละบุคคลและสามารถทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวบุคคลนั้นได้เช่นกัน

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หลักการชีวิตของคุณเป็นอย่างไร


การค้า ธุรกิจ นำพาความร่ำรวย ความสุขสบายในทางวัตถุมาให้ สามารถตอบสนองความต้องการ ทั้งสิ่งของที่จับต้องได้ และสิ่งที่ไม่คงอยู่เป็นรูปธรรมแน่นิ่ง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบถึงอารมณ์ความรู้สึกต่อความพึงพอใจได้ เช่น การบริการ เป็นต้น ระบบธุรกิจเข้าไปอยู่ในทุกๆ อณู ทุกๆ ส่วนของกิจกรรมบนโลกใบนี้ ตั้งแต่สถาบันที่ไม่หวังผลประโยชน์

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สถานที่ผ่อนคลายที่ดีที่สุด


            อย่างที่เคยกล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้ว่า เราใช้เวลามากมายสำหรับการคิดจดจ่อและกระทำสิ่งต่างๆ เมื่อเรากระทำสิ่งเหล่านั้นมากๆ เข้า ทำให้เกิดการสะสมอารมณ์ที่เป็นความทุกข์ ความเป็นกังวลในสิ่งที่ทำ ต้องการให้สิ่งที่คิดที่ทำออกมาดี เป็นที่ยอมรับจากลูกค้า นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน ครอบครัวหรือสังคมที่เราอยู่

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เลือกเจอไม่ได้แต่เลือกคบได้


            ตั้งแต่เกิดมาเราพบปะกับผู้คนเหมือนดั่งพสุธาพบปะกับสายฝน

เหมือนกับต้นไม้ที่รอสายน้ำมาหล่อเลี้ยง

เหมือนต้นไม้ที่เจริญงอกงามขึ้นไปตามสภาวะแวดล้อมที่พรั่งพร้อม

ดั่งต้นไม้ที่เติบโตตราบเท่าที่สารอาหารยังคงมีอยู่

การพบปะผู้คนเปรียบดั่งการได้รับสารอาหารให้ชีวิต นำมาสู่การพัฒนาความคิด ความรู้ ประสบการณ์ให้เพิ่มขึ้นตราบเท่าช่วงเวลาที่มีของเรา โดยการแลกเปลี่ยนวาจา การกระทำ ซึ่งจะทำให้เราขยับความสัมพันธ์จากการพบปะกันในครั้งแรกไปสู่ครั้งต่อๆไป หากความสัมพันธ์ของเราเพิ่มมากขึ้น ลึกซึ้งเข้าไปภายในกลายเป็นความผูกพันระหว่างบุคคลต่อบุคคล เราจะให้เวลากับความผูกพันนี้เฉพาะเจาะจงมากกว่าใคร

เหมือนดั่งมดที่เลือกน้ำตาล

เหมือนกับแมวที่เลือกปลาให้เป็นของโปรด

เราจะนำเรื่องราวต่างๆที่เราได้พบเจอมาแบ่งปัน ทั้งความเลวร้ายของชีวิตที่เต็มไปด้วยบาลแผล ทั้งความสบายใจ ความสุขสำเร็จอันภาคภูมิ และพร้อมเสียสละช่วยเหลือเหมือนกับกระจกสะท้อนที่ให้ความเท่าเทียมกับของจริง

เราต่างค้นหา มิตรแท้ เหมือนดั่งการหาหยดน้ำที่มีคุณค่ามากที่สุดท่ามกลางห่าพายุกระหน่ำ

            ผู้คนที่เราให้ระดับความสัมพันธ์โดยใช้คำนามที่เรียกว่า เพื่อนหรือมิตรสหาย บุคคลเหล่านั้นได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่าเพื่อนมากน้อยแค่ไหน หลายคนเข้าใจว่า เพื่อน คือ ที่ระบายความทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจ ความผิดหวัง ที่พึ่งพิงยามเจอปัญหา ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าเพื่อนทั้งหลายจะโทรมาปรึกษา นัดเจอ กินข้าวและพูดคุยแต่เรื่องเหล่านี้ ถามว่าจะมีคนที่เรียกว่าเพื่อนกี่คน ที่เมื่อเวลามีความสุขแล้วโทรมาหาหรือมาเยี่ยมเยียน เพื่อบอกกล่าวถึงความสุขเหล่านั้น อยากให้เราได้รับความสุขแบบที่เขารับ หรือ พาเราไปหาความสุข ประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต เพื่อความสัมพันธ์ที่ลึกซึ่งแม้คำเรียกนั้นจะเป็นคำสั้นๆ ง่ายๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พบหรือพูดคุยกันจะนำแต่เรื่องที่เป็นความสุขมาให้เรา หากเราหันไปมองเพื่อนเราจริงๆ เราจะพบคนที่มีลักษณะแบบหลังนี้น้อยมากหรืออาจจะหาไม่ได้เลยก็เป็นได้



      แล้วการสรรหาเพื่อนแท้จะทำได้อย่างไร คำถามนี้เกิดขึ้นกับทุกคน ทำให้เกิดวิธีการที่แตกต่างกันไปในการหาเกณฑ์มาใช้เป็นตัววัดว่าเพื่อนที่เราคบอยู่ว่าเป็นเพื่อนแท้หรือไม่ บ้างใช้การลองใจ โดยการสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นมีบททดสอบต่างๆ ที่เราตั้งไว้ ถ้าคนๆนั้นเขาทำตามที่คิด เราก็จะให้ใจให้คำว่าเพื่อนแท้ บ้างใช้เวลาและรอให้สถานการณ์จริงๆเกิดขึ้นแล้วดูผลลัพธ์ ผลของการกระทำปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่อหน้า แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่าเพื่อน ซึ่งคนเหล่านั้นมีเพื่อนไว้เพื่อใช้ประโยชน์แก่ตนเองเท่านั้น

            พวกเราหลายคนพยายามหาเพื่อนที่มีลักษณะนิสัยใกล้เคียงกันหรือมีความคิดเห็น มุมมองที่ออกไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งมีวิธีการหนึ่งที่จะทำเราได้รู้จักกับคนที่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับเราได้ สามารถเข้าใจ เข้าถึงหรือเรียกว่า อารมณ์เดียวกัน วิธีการนั้นก็คือ การทำงานร่วมกัน เพราะการทำงานจะทำให้บุคคลได้แสดงความคิดเห็น มุมมอง ผ่านคำพูดและการกระทำ ปฏิกิริยาโต้ตอบในสภาวะของการเจอปัญหารุมเร้า เมื่อเป้าหมายหรือผลลัพธ์ของงานมีผลต่อความก้าวหน้า ภาพลักษณ์ ความสามารถ ความเป็นตัวตนของแต่ละคน และหากเป้าหมายมีเรื่องของเงินหรือผลประโยชน์ที่ได้มาเป็นส่วนตนเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณจะได้เห็นสันดานที่แท้จริงของมนุษย์ คุณจะรู้ว่าคนๆนั้นจะเป็นบุคคลที่จะเข้ากับคุณได้ตลอดชีวิตของคุณ หรือเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งที่พอคบได้แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก หรือคุณอาจจัดให้บุคคลนั้นกลายเป็นแค่คนรู้จักในใจคุณก็ได้ เพราะงานจะทำให้เราได้เห็นธาตุแท้ของบุคคล

            ทิ้งท้ายไปด้วยวิธีการทำให้เพื่อนของเราจัดเราเข้าไปอยู่เป็นมิตรแท้คนหนึ่งในบรรดากลุ่มเพื่อนของเขา

ให้เพื่อนก่อน โดยไม่รอให้เพื่อนให้เรา เราถึงจะให้ตอบแทน

ให้เรื่องครอบครัวของเพื่อนสำคัญกว่าเรื่องของเรา

ให้ความทุกข์ของเพื่อนสำคัญกว่าความทุกข์ของเรา

ให้ทางเลือกในการตัดสินใจอย่าตัดสินใจแทนเพื่อน

ให้ความช่วยเหลือที่จะสามารถทำให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้โดยไม่มีเรา

ให้เวลาของเพื่อนสำคัญกว่าเวลาของเรา

ให้โอกาสเพื่อนในการเลือกที่จะมาพบปะกับเราหรือใช้เวลาของเขาไปทำอย่างอื่น