วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ภาวะผู้นำและวิธีการนำผู้อื่น



การคิดค้นธนูถูกสร้างขึ้นด้วยมุมมองที่แตกต่างและกว้างไกลกว่าการสร้างอาวุธระยะประชิดไปเรื่อยๆ และมีมุมมองของการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เช่น การใช้แรงที่น้อยกว่าการใช้อาวุธระยะประชิด เป็นต้น รวมถึงมุมมองในการรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้สิ่งมีชีวิตรู้ตัวจากการเข้าใกล้

มุมมองเหล่านี้นำมาสู่การหาวิธีการสร้างคันธนูพร้อมลูกศรให้สามารถใช้งานได้ในสถานการณ์จริง นั่นเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เรียกว่า วิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของ “ผู้นำ”  


ในทุกส่วนของสังคมที่มีความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ผู้นำที่ดีจะมีบทบาทในการนำทิศทางของกลุ่มไปยังเป้าหมาย นำความก้าวหน้า ความสำเร็จ ชัยชนะ และรักษาความเป็นผู้นำในการแข่งขันให้ยืนยาวที่สุด ผู้นำที่จะนำพาทีมไปสู่ความสำเร็จจะมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ซึ่งหมายถึง มุมมองที่มีความเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง เป็นการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สามารถมองความเชื่อมโยงออกมาเป็นภาพใหญ่ สามารถสื่อสารและถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ รวมถึงสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้กับกลุ่มเพื่อให้ทุกคนยอมทำตามนำไปสู่ทิศทางความสำเร็จที่วางไว้

ผู้นำจะมีลักษณะของการเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นผู้ศึกษาเปิดรับข้อมูลอยู่ตลอด ไม่ปิดบังความคิดเห็น รับฟังความคิดของผู้อื่น ไม่สรุปว่าตัวเองเก่ง มีเป้าหมายสูง เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองติดอยู่กับความสบาย เขาจะวิ่งเข้าไปสู่ความยากเสมอ ลักษณะสำคัญที่ทำให้เห็นความแตกต่างของผู้นำแต่ละคน คือ การตัดสินใจ วิสัยทัศน์ และการรับความเสี่ยง โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำจะมองการไกล ทั้งในช่วงขาขึ้นและขาลง ว่าจะขึ้นอย่างไรแล้ว ขาลงจะทำอย่างไร กล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะเจ็บตัว เพื่อให้ได้อนาคตที่ดีกว่า ส่งผลให้เขามีความกล้าในการตัดสินใจที่สูงขึ้นตามมา ซึ่งถ้าหากบุคคลใดมีคุณสมบัติเหล่านี้สูงจะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  อันนำมาสู่การพัฒนาและก้าวนำผู้อื่นอยู่เสมอ



วิธีการในการนำผู้อื่นให้ทำตาม จากการศึกษามีทั้งหมด 3 วิธี คือ

1.การนำโดยใช้วิธีการทุบโต๊ะสั่งการ หรือแบบเผด็จการ จะไม่มีการรับฟังความคิดเห็นใดๆ ต้องการให้กลุ่มทำตามโดยไม่มีการให้เหตุผลหรือเปิดโอกาสรับฟังความเห็น ซึ่งจะใช้วิธีนี้ในกรณีที่มีเวลาหรือข้อจำกัดมาบีบรัดให้เร่งลงมือกระทำการ เช่น ระหว่างการเดินเรือ กัปตันสั่งให้เรือมุ่งหน้าไปพักที่เกาะแห่งหนึ่งเนื่องจากเกิดลมพายุ และเขามองเห็นว่าหากดื้อฝ่าพายุไปอาจจะนำความสูญเสียของชีวิตมาสู่ลูกเรือได้และทรัพย์สินต่างๆ ที่บรรทุกมาในเรือ เป็นการสั่งการลงไปให้ลูกเรือทำตามอย่างฉับพลัน เป็นต้น

2. การนำแบบกึ่งเผด็จการ โดยยังคงต้องการให้ผู้อื่นทำตาม แต่จะชี้แจงให้เหตุผลก่อนว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น ตัวอย่างในกรณีเดียวกัน ก่อนที่จะสั่งการให้ลูกเรือทำตาม เขาจะอธิบายก่อนว่าถ้าเราฝ่าพายุไปต่ออาจเสียหายต่อเสียชีวิตลูกเรือและทรัพย์สินได้ แล้วจึงสั่งการให้ทุกคนทำตาม เป็นต้น

3. การนำแบบชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องทำตาม เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความเห็นและหาข้อสรุปร่วมกัน ถ้าเปรียบเทียบกับวิธีการแรกจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่า แต่จะนำมาซึ่งข้อสรุปที่ทุกคนยอมรับได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดลมพายุในกรณีเดิม กัปตันก็จะแนะนำว่าให้เข้าไปพักที่เกาะรอลมพายุสงบเสียก่อนโดย แล้วเขาจะถามความคิดเห็นลูกเรือว่าจะไปในทิศทางที่กัปตันต้องการหรือไม่ มีความเห็นหรือทางออกว่าอย่างไร เป็นต้น

วิธีการทั้ง 3 จะถูกใช้ตามสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมว่า ในขณะนั้นควรจะใช้วิธีการนำในลักษณะใด เพื่อให้กลุ่มผ่านพ้นอุปสรรคหรือวิ่งเข้าสู่เป้าหมายอย่างผู้ชนะได้สำเร็จ


อ้างอิง : สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล (ม.ป.ป.), Leadership vs. Management (เอกสารประกอบการบรรยาย).

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น