เราเริ่มต้นคอยเฝ้าดูผู้คนผ่านสัมผัสจากการมองเห็น
รูปลักษณ์ภายนอกอันสวยงามของหญิงสาวแรกรุ่นแห่งการผลิบาน รวมไปถึงชายหนุ่มกำยำที่เร้าร้อน
เราเฝ้าดูความน่ารักอันไร้เดียงสาของสัตว์แรกเกิดและความดุดันที่เปล่งรัศมีแห่งความโหดร้ายจากสัตว์ที่เติบใหญ่อันสามารถพรากชีวิตตามรูปแบบของวัฏจักร อันถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติ
เราสูดดมกลิ่นที่ทำงานไปพร้อมของการรับรส
ในบางครั้งเรารับรู้ได้ถึงความหวาน เพียงแค่สูดกลิ่นหอมเย้ายวนอันเนื่องมาจากต่อมความทรงจำทำงาน
เราจะพยายามหลีกหนีจากกลิ่นที่เน่าเหม็นคละคลุ้งอยู่ในจมูก
พร้อมจะบ้วนทุกอย่างที่ขมฟาด
ปราศจากรสชาติของความอร่อยหรือความชอบส่วนตัวออกจากปาก
เราจะพากายของเราไปรับสัมผัสอันอบอุ่นเมื่อครั้งรู้สึกหนาว
และไปอยู่ในที่เย็นสบายผ่อนคลายจากความรู้สึกอันร้อนระอุ
เราเสพติดกลิ่นคาวที่ไม่มีสิ่งใดบนโลกมอบให้ พร้อมรับความเหนียวเหนอะหนะจากคราบเหงื่อ
เราจะโอบกอดความเร้าร้อนที่แสนอบอุ่น สั่นกระซ่านไปทั่วกายสัมผัสด้วยตัณหา
เราคอยเกาะติดเฝ้าดูกามอารมณ์ทุกครั้งที่เกิดขึ้นและสนองมัน
เพราะมันจะสามารถให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งผ่านสัมผัสทั้งหมดที่มีในคราวเดียว
จึงทำให้เราเสพติดการมีสัมพันธ์ในที่ลับ
มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้สัมผัสที่มี
“เฝ้าดู” เรื่องราวต่างๆของมนุษย์
สัตว์ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกและจักรวาล
จนกระทั่งนำมาสู่การกระทำอันสร้างสรรค์หรือการบดขยี้สิ่งของที่เฝ้าดูอยู่
เราใช้สัมผัสทั้งหมดรับรู้และคอยเฝ้ามองหา สิ่งที่จะทำให้จิตได้รับความรู้สึกชอบ
ปัดเป่าสิ่งที่ไม่ชอบให้ออกห่าง แยกแยะ ให้คุณค่าต่อสิ่งเหล่านั้น จัดระบบว่าสิ่งใดเป็นของดีหรือของชอบ
สิ่งใดเป็นของไม่ดีหรือของไม่ชอบ จัดเก็บเข้าไปอยู่ในมหาสมุทรแห่งความทรงจำ ถึงแม้จะตกลงไปอยู่ในส่วนก้นที่ลึกที่สุดของพื้นน้ำอันกว้างใหญ่
แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องการใช้ความทรงจำเหล่านั้นมาตัดสินสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือสิ่งที่รับผ่านสัมผัสในครั้งปัจจุบัน
ความทรงจำเหล่านี้จะลอยขึ้นมาอยู่บนน่านน้ำของมหาสมุทรแห่งความทรงจำ
ให้เราได้หยิบจับขึ้นมาเป็นเกณฑ์แยกแยะ คัดกรอกของสิ่งที่เฝ้าดูอยู่เบื้องหน้า
เมื่อเวลาของมนุษย์ล่วงเลยไปได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งเทคโนโลยี
ทำให้เราสามารถเฝ้าดูผู้คนและความเป็นไปของโลกได้มากขึ้นผ่านอุปกรณ์ที่พรั่งพร้อมไปด้วยการสนองสัมผัสการมองเห็นและการได้ยิน
อันจะทำให้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากทั่วทุกมุมโลก เรามีพื้นที่ของเราเองที่ออนไลน์อยู่ตลอด
เพื่อให้คนอื่นๆเข้ามาสอดส่องเรา
และเราก็สามารถที่จะสอดส่องเฝ้าดูผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน การเติบโตของโลกออนไลน์ที่นับวันจะทวีขึ้น
มีความเป็นไปได้ว่าจะไร้ซึ้งเพดานที่จะปิดกั้นการเติบโตนี้
ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลามากมายไปกับการเสพสิ่งบันเทิงและเฝ้าดูการกระทำ การพูด
เราเฝ้าดูกระแสสังคม ข่าวสาร การเปลี่ยนแปลง ค่านิยม บรรทัดฐาน วัฒนธรรม เอกลักษณ์
สถาบัน ความเป็นชาติ การศึกษา ความรู้ ทักษะ การทำงาน การสร้างงาน
การพัฒนา การอยู่ร่วมกันเป็นสังคม การช่วยเหลือ การแบ่งปัน มิตรภาพ การดำรงรักษาเผ่าพันธุ์
การอนุรักษ์ การรักษาสายพันธ์ การแข่งขัน ความเป็นไปของโลกธุรกิจ การค้า เศรษฐกิจ การเมือง
การเงิน ความมั่นคง สงคราม ระบบการปกครอง การคมนาคม การสื่อสาร
ย่อยลงไปถึงตัวบุคคล เรื่องภาพลักษณ์ การแต่งตัว
แฟชั่น สไตล์ รสนิยม ความมั่งคั่ง วัตถุที่แสดงออกถึงความรวยจน
ความชอบในสิ่งบันเทิง ในรายการทีวี วิทยุ ภาพยนตร์ เพลง เกมส์ หนังสือ ในตัวศิลปิน
นักสร้างสรรค์ นักออกแบบ ดารา นักแสดง นักร้อง ในเพศ ผู้ชาย ผู้หญิง เกย์ กระเทย
ทอม ดี้ ใบ ในข้าวของเครื่องใช้
เรื่องอาหารการกิน อาหารชั้นดี ที่ประกอบขึ้นด้วยความพิถีถัน
การใส่ใจถึงรายละเอียด การรับรู้ความหยาบกระด้างของการปรุงอาหารชั้นแย่
ลึกลงไปภายในจิตใจของมนุษย์ เกี่ยวกับ
ความยุติธรรม ความถูกต้อง ความดีเลว ความอาฆาต ริษยา ความโลภ ความหลง ตัณหา
กามอารมณ์ของมนุษย์ รวมไปถึงวิสัยทัศน์ มุมมอง แนวคิด ปรัชญา การแสดงความคิดเห็น
ทัศนคติ ความต้องการ ความเข้าใจ ศักยภาพของตัวบุคคล ความสำเร็จ ปัญหา อุปสรรค เราสามารถคุยเรื่องบนโลกนี้ได้จนสิ้นเสียงของลมหายใจสุดท้ายที่เราจะได้ยิน
เราเกิดมาอาศัยการรับรู้เรื่องราวของโลก ผ่านสัมผัสที่ธรรมชาติได้สร้างไว้ให้
จนเข้าไปถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในจิตใจอันซับซ้อนยากจะหยั่งลึกถึงความจริงแท้ของการเกิดขึ้นมาและจากไป
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้กับเกี่ยวความเป็นจริงแท้ของจิต
ถ้าหากเราไร้ซึ่งสัมผัสทั้ง 5 ที่ธรรมชาติของที่นี่สร้างไว้ให้ใช้ในที่แห่งนี้
จิตใจที่เรารับรู้ความรู้สึกซึ่งสามารถผลักดันความรู้สึกที่รุนแรงออกมาทางร่างกายได้
จิตที่สามารถสั่งให้เราสร้างสรรค์หรือทำลายล้างได้
จิตที่เรารับรู้เรื่องราวมากมายมหาศาลของโลกนี้ผ่านสัมผัสที่ว่า
จะเป็นอย่างไรเมื่อไม่อาศัยพึ่งพิงหรือหมดอายุขัยของสัมผัสทั้ง 5 นี้
เราใช้เวลามากมายกับเรื่องเหล่านี้
เวลาที่เราเห็นว่าทุกวินาทีมีคุณค่าจะต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์
ใช้มันไปกับความสนใจ ความต้องการ เฝ้าดูและกระทำเรื่องราวต่างๆ เรามีเวลาเท่าไหร่ในการสำรวจและคอยเฝ้าดู “จิตใจ” อย่างแท้จริง จิตที่รับความรู้สึกจากเรื่องมากมายมหาศาลดั่งมีอยู่เต็มทั่วทั้งจักรวาล
จิตที่ทำให้เรารู้ว่า เราเกิดมามีร่างกาย มีการรับรู้ มีสัมผัส มีความคิด มีตัวตน
มีความเป็นมนุษย์
เราสามารถที่จะทำให้จิตได้หยุดพักได้หรือเปล่า
เราสามารถจะเข้าใจความไปของสภาวะจิตได้หรือไม่ เราจะนำจิตไปสู่ความเป็นนิรันดร์ได้ไหม
เราจะพบความเป็นจริงของกระบวนการเกิดขึ้นแห่งจิตและดับไปอย่างไร
คำตอบในการค้นหาสัจธรรม การหลุดพ้นอย่างแท้จริง
ได้มีผู้หนึ่งคอยชี้ทางอยู่ปากประตู ตั้งแต่เราเกิดมา
คอยส่องแสงสว่างนำทางอยู่ประตูนั้นอยู่เสมอ
แม้เราจะหันหลังและลืมเลือนผู้ชี้ทางผู้นั้นอย่างไร้ซึ่งดวงตาแห่งการมองเห็น
แต่ท่านผู้นั้นก็ยังไม่เคยไปไหน ยังยืนอยู่ในประตูแห่งความเป็นจริง
ประตูแห่งสัจธรรม ท่านผู้นั้น คือ ธรรมะ อันเป็นศาสดาของโลก เพียงแต่เราให้เวลาอย่างจริงจังกับการเดินทางไปสู่ประตูแห่งนั้น
เปิดมุมมองให้กว้างกว่าที่เคยมาตลอดชีวิต น้อมนำเข้าสู่จิตใจที่ไม่เคยใยดีมันแม้เพียงเศษเสี้ยวของเวลา
แล้วพิจารณาให้ละเอียดถี่เถ้า เข้าใจ เข้าถึงแก่นแท้
ก่อนเข้าสู่ประตูที่เป็นแสงสว่างแห่งพระนิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น