วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตีให้ถึงต้นไล่ให้ถึงปลาย (ตอนที่ 2 )


หากเปรียบชีวิตเหมือนกับการเล่นหมากรุก เพื่อเอาชนะคู่แข่ง เราจะต้องกำจัดลูกน้องให้หมดเหลือเพียงหัวหน้าเพียงตัวเดียว หรือ ใช้วิธีการหลอกล่อ ให้หัวหน้าตายจากการรุกด้วยตัวหมากของเรา แต่ถ้ากระดานที่เราเล่นอยู่มันมีช่องมากมายให้ตัวหมากได้เดินเปรียบดั่งการนับดวงดาวในจักรวาล แล้วคิดว่าเกมหมากรุกที่เล่นอยู่จะมีวันสิ้นสุดไหม หากเป็นเช่นนี้เราจะพบว่าเล่นเท่าไหร่ก็ไม่มีวันที่จะไล่ตัวหมากของฝ่ายตรงข้ามให้พ่ายแพ้ไปได้ เพราะเรากำลังเล่นอยู่บนกระดานที่ไร้ขอบเขต
   

เราลองมามองดูว่า เมื่อเราสามารถคว้าความสำเร็จที่ไล่ตามมาได้หลังจากนั้นจะทำอย่างไรต่อไป เพราะเราอยู่บนกระดานที่ไร้ขอบเขต เปรียบกับการวิ่งเข้าเส้นชัยที่อยู่แสนไกล พอเราไปถึงเส้นชัย เราดื่มด่ำกับความสำเร็จที่ได้อยู่พักหนึ่ง เมื่อเราเริ่มหันไปมองข้างๆ มองเป็นลักษณะแนวนอน หรือการมองซ้ายมองขวา เราจะเห็นคนอื่นๆที่ก้าวขึ้นมาอยู่จุดเดียวกับเรา  เมื่อเรานำมาเปรียบเทียบเราจะรู้สึกว่าความสำเร็จที่ได้ยังไม่ใช่จุดสูงสุด เพราะยังมีคนที่ได้เท่าเรา และมีคนที่ได้ความสำเร็จมากกว่าเรา ครั้งเรามองไปข้างหน้า เมื่อเป็นเช่นนี้ทำเราวิ่งไล่ตามความสำเร็จใหม่อีกครั้งหนึ่

หากเรานับเลข ถามว่ามันมีเพดานของการนับไม่ได้ไหมหรือจุดสิ้นสุดของการนับเลขหรือไม่ คำตอบของคณิตศาสตร์บอกไม่มี มีแต่อนันต์ นั่นคือ ไม่มีสิ้นสุด เมื่อเป้าหมายของเรามีตัวเลขเป็นส่วนหนึ่งในการวัด ครั้งแรกเราอาจตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำให้ได้ 100 แต่พอเราได้ เราจะขยับเป้าหมายเป็น 1000 แล้วจะเป็นลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีเพดานมากั้นเราก็จะก้าวต่อไป ต่อไป และต่อไป อย่างอนันต์ ถ้าเราไม่เคยกำหนดจุดสิ้นสุดของการสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ความสำเร็จมาครอง เราจะกลายเป็นนักล่า  ไล่ล่าความสำเร็จที่ไร้ขอบเขต



ดังนั้นเราต้องตั้งขอบเขตของเป้าหมาย ว่าเราจะพอแค่ไหน เพราะเมื่อเราไปถึงแล้วเราจะได้ไม่กลับมาโทษหลักการแนวคิดที่เราเลือกใช้ในการเริ่มต้น แล้วเราจะรู้ว่าแนวคิดหนึ่งในวิธีทั้ง 2 ที่กล่าวไปใช้ได้ทั้งคู่ แต่จะใช้ได้เพราะมีขอบเขต หากเราไม่สร้างขอบเขตว่าจะสุดแค่ไหน พอเราตั้งเป้าหมายมากๆ เมื่อไปไม่ถึงกลับไปโทษวิธีการที่เลือก ว่าเราเลือกวิธีการเริ่มต้นที่ผิด เริ่มสิ่งที่เราทำผิด จึงนำพาความล้มเหลวมาให้

และความคิดที่ว่าถ้าเราพอใจ จะทำให้เราหยุดอยู่กับที่ เราจะตกรถ ตกราง เพราะคนอื่นๆ เขาวิ่งอยู่ตลอด แต่ถามว่า สิ่งที่ทุกคนวิ่งตามไปมันไม่เคยสิ้นสุดไหมหละ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะต้องตามความไม่สิ้นสุดนี้ไป  ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไปเรื่อยๆ มองจนหงายท้องก็ยังไม่เห็น จุดสิ้นสุดไม่ได้อยู่ข้างหน้า มันอยู่ตรงนี้ อยู่ที่เราเอง จะเห็นได้ว่ามีสาขาวิชาใดบ้างที่เรียนจบการศึกษาแล้ว ผู้ที่อยู่ในสายอาชีพนั้นไม่ต้องศึกษาเพิ่มเติมจากโลกภายนอก ทุกอย่างจึงอยู่ที่เราว่าเราจะพอแค่ไหน


เราจะวิ่งตามผู้นำที่ไม่เคยมีตัวตนหรือวิ่งเข้าหาความเป็นอนันต์หรือไม่  เราจะสรรหาความแน่นอนอยู่บนความไม่นอนนอนหรือไม่ ถ้าเราถามคำถามเหล่านี้ก่อนการเริ่มต้น ในระหว่างทาง และเมื่อไปถึงปลายทาง ก็น่าจะทำให้เราไม่ยึดติดในความสำเร็จจนนำความทุกข์ ความกังวลมาให้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น