วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตีให้ถึงต้นไล่ให้ถึงปลาย (ตอนที่ 1)


หลักการแนวคิด วิธีการ สูตรสำเร็จ เคล็ดลับต่างๆ เกี่ยวกับความสำเร็จในชีวิตถูกรวบรวมออกมามากมาย  โดยส่วนใหญ่วิธีการเหล่านี้พูดถึงช่วงระหว่างทางเดินไปสู่ความสำเร็จ หรือช่วงตรงกลางระหว่างจุดเริ่มต้นกับปลายทาง แต่วิธีการแนวทางของจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเรื่องราวนี้มีอยู่ไม่มาก ทั้งที่จุดเริ่มต้นและจุดจบของความสำเร็จมีบทบาทอันสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่มีจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากพอให้เริ่มลงมือกระทำการใดๆให้สิ่งนั้นสำเร็จ ก็คงไม่มีเรื่องราว วิธีการฟันฝ่าอุปสรรคมากมายมาบอกเล่า หรือนำมาเป็นแนวทางประยุกต์ใช้เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่มีความใกล้เคียงกัน รวมไปถึงจุดสิ้นสุดของความสำเร็จที่มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน

            แนวคิดจุดเริ่มต้นของการลงมือทำสิ่งใดๆ ที่พบจากคำแนะนำของผู้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาทำ จะมีอยู่ 2 แนวคิด แนวคิดแรก คือ “หากเราจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ จงเริ่มต้นจากสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เรารัก”  เพราะความชอบ ความรักในสิ่งที่เราทำจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเสมอ จะเป็นแรงบันดาลใจ เป็นตัวผลักดันในสิ่งที่ทำ ทำให้เรามีความมุ่งมั่นต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาต่างๆที่ผ่านเข้ามา เราจะอยู่กับเรื่องราวที่เราชอบได้นาน มีความมั่งคงในเส้นทางที่เราเลือก ด้วยความชอบ ความรักในสิ่งที่ทำจะถูกใช้เป็นเหตุผลหลักเพื่อรองรับความเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จได้หากทำสิ่งที่ชอบ และกลายเป็นปัจจัยหนึ่งในการตอบคำถามว่าเหตุใดถึงทำสิ่งเหล่านั้นจนประสบความสำเร็จได้

แต่แนวคิดของการเลือกทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่รัก แล้วนำมาเป็นปัจจัยในการเริ่มต้นเพื่อสร้างความสำเร็จ จะเกิดปัญหาสำหรับคนที่ไม่ได้มีอะไรชอบเป็นพิเศษ ไม่ได้รักอะไรมาก ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับสิ่งใดเป็นประจำ เฉลี่ยเวลาออกมาจะเห็นได้ว่าทำสิ่งต่างๆ ด้วยเวลาเท่าๆ กัน คนที่มีลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้เวลามหาศาลเพื่อ “ค้นหาตัวเอง” จากเหตุที่ว่าตัวเองไม่ได้ชอบสิ่งใดเป็นพิเศษเมื่อมีความเชื่อแนวคิดจึงต้องค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ทดลองทำไปเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่ดูไม่มีทิศทาง ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ทำให้เกิดผลเสียที่ส่งผลกระทบร้ายแรง กลายเป็นคนทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จ สังคมไม่ยอมรับ เพียงเพราะคนๆนี้หาตัวเองไม่เจอ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้ความว่าเขาคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีประสิทธิภาพในการสร้างความสำเร็จสักหน่อย

 อีกปัญหาหนึ่ง คือ เมื่อบุคคลมีความชอบในสิ่งใดแล้วลงมือทำกับสิ่งที่ชอบไปเรื่อยๆ แต่วันหนึ่งกลับพบว่าความชอบในสิ่งเหล่านั้นได้หายไปจากใจ เมื่อไม่พบความชอบ ความรักในสิ่งนั้นอีกต่อไป ก็นำมาเป็นสาเหตุในการล้มเลิกภารกิจเดิมที่ตั้งไว้ เพราะตนได้ตั้งวัตถุประสงค์ว่าจะลงมือทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่รักเท่านั้น และเชื่อด้วยว่าด้วยเหตุผลนี้จะทำให้การเริ่มลงมือทำสิ่งใดจะนำมาสู่ผลสำเร็จ



เราลองมาดูแนวคิดที่สอง ในการหาจุดเริ่มต้นเพื่อเริ่มลงมือทำสิ่งหนึ่งๆ ให้ประสบความสำเร็จ นั่นคือ แนวคิดที่ว่า “การทำในสิ่งที่ชอบไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความรู้ ความสามารถ ศักยภาพที่เพียงพอต่อการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้นให้ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น การจะลงมือกระทำสิ่งใดให้มองที่โอกาสของสิ่งเหล่านั้นว่ายังมีอยู่หรือไม่ รวมไปถึงความสามารถที่ตนเองมีอยู่ด้วย” อันเป็นทั้งความรู้และทักษะเฉพาะของตน เพราะทั้งสองปัจจัยนี้เป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จ และการทำสิ่งต่างๆให้บรรลุเป้าหมาย หากสิ่งที่เราลงมือไม่มีโอกาสหลงเหลืออยู่ มีการแข่งขันที่รุนแรง เราไม่มีความสามารถเพียงพอหรือเราอาจจะมีมุมมองที่ดีแต่ลงมือปฏิบัติไม่ได้เนื่องจากติดขัดด้านเทคนิค ความเป็นไปได้ของความปรารถนาก็จะกลายเป็นความเลือนลางไป

แนวคิดที่สองนี้มองในมุมของความเป็นไปได้เป็นหลัก มุ่งทำเหตุให้เหมาะสม อันจะนำผลของความสำเร็จในภายภาคหน้ามาให้ แต่สำหรับคนที่เชื่อในแนวคิดแรกจะสามารถแย้งได้ว่าถ้าทำในสิ่งที่ไม่ชอบจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร จะมีแรงผลักดันใดหละที่จะทำให้ต่อสู้กับอุปสรรคได้

แน่นอนว่าทั้งสองแนวคิดที่ยืนอยู่คนละข้างแบบนี้ไม่อาจหาข้อสรุปที่แน่ชัด แนวคิดที่สองมองด้วยเหตุผล ความเชื่อมโยงจากภายนอกเข้าสู่ภายใน แนวคิดแรกมองด้วยความฝัน จินตนาการ ความรัก หรือมองจากภายในส่งออกสู่ภายนอก แล้วแนวคิดใดที่ควรจะนำมาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ คำถามนี้กลายเป็นปัญหาโลกแตกไปในทันใด

จากทั้ง 2 แนวคิด เราจึงได้ข้อสรุปในการเริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้น คือ ไม่มีหลักการใดที่เราสามารถยึดเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ได้ดีที่สุด ทุกหลักการมีข้อดี และข้อเสีย เราจำต้องนำทั้งหมดมาใช้


ไม่ว่าเราจะเลือกใช้แนวคิดไหน สิ่งสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก คือ การไม่ยึดติดในสิ่งที่ทำมากเกินไปจนทำให้เราล้มเหลวไปในที่สุด เช่น ในกรณีของสภาพแวดล้อมภายนอกเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราสร้างขึ้นหมดความนิยมลงไป แล้วเราไม่เปลี่ยนแปลง ทำแต่สิ่งเดิมๆ ส่งผลให้ความสำเร็จที่ไขว่คว้าจะไกลออกไป เราจึงต้องประเมินสถานการณ์เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นและต้องตัดสินใจว่าเราจะดำเนินการทำสิ่งนี้ที่เรายังพอใจอีกหรือไม่ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น